ทำนามบัตรด้วย Word 2010

ทำนามบัตรไว้ใช้เองกันดีกว่า

เครื่องพิมพ์ inkjet และกระดาษสวยๆ สำหรับทำนามบัตรก็หาซื้อได้ทั่วไป บวกกับโปรแกรมสำหรับการสร้างนามบัตรที่คุ้นเคยกันนั่นคือ Microsoft Word ดังนั้น เราจะเสียเวลา เสียเงิน ในการจ้างคนอื่นทำทำไม ในเมื่อทุกๆ คนก็สามารถทำได้ (เหมือนกับการพิมพ์จดหมายฉบับหนึ่ง) แถมยังสามารถเลือกรูปแบบ หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ คือ ความภูมิใจในการสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้ ไม่ลองก็ไม่รู้ มาดูคำแนะนำการทำนามบัตรด้วย Microsoft Word กันเลย!!

วิธีทำนามบัตรด้วย Word 2010

1. เปิดโปรแกรม Microsoft Word 2010
2. คลิกเมนู File
3. เลือกหัวข้อ New
4. คลิกไอคอน Business Cards และเลือก Print Business Cards
5. รอสักครู่ โปรแกรมจะทำการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ Office.com เพื่อแสดงแบบตัวอย่างของ Business Cards ให้เราเลือกใช้งาน
6. เลือกรูปแบบที่ต้องการ คลิกปุ่ม Download ด้านข้าง
7. รอสักครู่ โปรแกรมจะรูปแบบที่ต้องการเข้ามา และเราสามารถแก้ไขไฟล์นั้นๆ เป็นชื่อที่อยู่ของเราได้ทันที
8. คลิกพิมพ์ตามปกติ

ทิปการใช้คอมฯ มากกว่า 1 คน

กรณีที่คุณ มีลูกหลานที่กำลังเรียน หรือมีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน วันนี้เรามีคำแนะนำที่จะทำให้ลดปัญหาต่างๆ ในเครื่องคอมฯ ที่มีผู้ใช้งานมากว่า 1 คนได้ นั้นคือ การแบ่ง User name และ Password ในการใช้งาน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การแยก Profile ของแต่ละคน ซึ่งความสามารถตรงนี้ Windows จะทำการแบ่งข้อมูลของแต่ละคนให้ด้วย Profile ดังนั้นวิธีง่ายๆ ที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น ไฟล์ข้อมูลเรื่องงาน รูปภาพ เป็นต้น ถูกแยกกันโดยเด็ดขาดจากลูกๆ ของคุณเอง เพียงคุณทำตามขั้นตอนดังนี้

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ทุกท่านโปรดทราบ

วิธีแบ่ง Profile หรือสร้าง User

1. คลิกปุ่ม Start
2. เลือก Control Panel
3. คลิกเลือก User Accounts
4. คลิกเลือก Create a new account
5. พิมพ์ชื่อที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม Next
6. จะได้หน้าต่าง ให้เลือกกลุ่มของ User ให้คลิกเลือก Limited (ทำให้ลูกคุณไม่สามารถ ติดตั้งโปรแกรมได้ ลดปัญหาเรื่อง Windows ได้มาก)
7. จากนั้นคลิกปุ่ม Create Account

ต่อไป เวลาลูกๆ ของคุณจะใช้งาน คุณก็บอกให้เขาใช้ User และ Password ที่คุณสร้างให้เขา แค่นี้ ก็จะทำให้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ถูกใครๆ แอบเห็นแล้วครับ (อาจจะใส่ Password หรือไม่ก็ได้)

เปลียนโน้ตบุ๊ก Windows 7 เป็น Wi-Fi Hotspot

เปลียนโน้ตบุ๊ก Windows 7 เป็น Wi-Fi Hotspot  มาดูเทคนิคขั้นเทพกันนะครับ คุณผู้อ่านอาจจะไม่ทราบว่า Windows 7 มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่เรียก Virutal Wi-Fi หรือ "ไวไฟเสมือน" (แปลแล้วช่วยให้เข้าใจขึ้นไหมเนี่ย?) ซึ่งมันสามารถเปลียนพีซี หรือโน้ตบุ๊กของคุณให้กลายเป็น"เราท์เตอร์"ที่ทำงานด้วยซอฟต์แวร์ โดยอุปกรณ์ไวไฟอื่นๆ ที่อยู่ภายในรัศมี ไม่ว่าจะเป็น เดสก์ทอป หรือโน้ตบุ๊กของคนอื่นๆ รวมถึงไอโฟน จะมองโน้ตบุ๊กของคุณเป็นฮอตสป๊อตทีพวกเขาสามารถล็อกออน และแชร์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทันที อย่างไรก็ตามฟังก์ชันนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อไดรเวอร์ของอะแดปเตอร์ไร้สาย ในเครื่องคอมพิวเตอร์สนับสนุน ดังนั้นก่อนใช้งานในลักษณะนี้ แนะนำให้ตรวจสอบระบบทีใช้จากเว็บไซต์ผู้ผลิต พร้อมทั้งอัพเดตไดรเวอร์ด้วย สำหรับขั้นตอนการเซตอัพ Virtual Wi-Fi มีดังนี้

1. พิมพ์คำ สั่ง cmd ในช่อง Search ของปุ่ม Start
2. คลิกขวาบนชื่อ cmd.exe เลือกคำสั่ง Run as administrator
   
   

   
   

    


3. พิมพ์คำ สั่ง netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=ชื่อเน็ตเวิร์ก key=พาสเวิร์ด แล้วกดปุ่ม Enter
4. พิมพ์ คำสั่ง netsh wlan start hostednetwork ระบบจะ ให้บริการในการเชื่อมต่อ โดยจะเข้ารหัสด้วย WPA2
5. ตรวจ สอบการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วย Virtual Wi-Fi ได้จากใน Wireless Network Connection ใน Network Connections of Network and Internet โดยจะแสดงชื่อบริการของดีไวซ์เป็น Microsoft Virtual WiFi Miniport Adaptor
   
   

   
   

    
6. ขั้นตอน สุดท้ายจะเป็นการเปิดให้การเชื่อมต่อเน็ตผ่านเราท์เตอร์ (เดสก์ทอป หรือโน้ตบุ๊กของเราทีเปิดบริการ Virtual Wi-Fi) กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โดยคลิกขวาบนไอคอน Inernet Connection เลือกคำสั่ง Properties ในแท็บ Sharing ให้คลิกเลือกเช็คบ๊อกซ์หน้าข้อความ "Allow other network users to connect through this conmputer's internet connection" แล้วเลือกดีไวซ์ของเราที่เป็น Virtual Wi-Fi จากในดรอปดาวน์ลิสต์บ๊อกซ์ที่อยู่ใกล้กัน
   
   

   

    

เพียงแค่นี้คุณ ก็สามารถเปลี่ยนพีซีของคุณให้กลายเป็นเราท์เตอร์ไรสายได้แล้ว สำหรับผู้อ่านที่สนใจการใช้งานในลักษณะนี้ อย่าลืมตรวจสอบก่อนนะครับว่าไดรเวอร์ของการ์ดเน็ตเวิร์กที่ใช้อยู่ในระบบ สนับสนุนการทำงานในลักษณะดังกล่าว หรือไม่? หากต้องการวิธีเซ็ตอัพที่ง่ายกว่านี้ แนะนำให้คุณลองดาวน์โหลดฟรีแวร์ชื่อว่า  Virtual Router  ได้นะครับ

สร้างกรอบภาพ ถูกใจโจ๋ โดย Photoshop

สร้างกรอบภาพ สำหรับวัยทีน เก๋ๆๆ โดยโปรแกรม Photoshop
1.เปิดภาพที่ ต้องการขึ้นมา (เลือกภาพให้มันมีที่โพกัสนิดหนึ่งนะ)แล้วก็ใช้เครื่องมือ Rectangular Marquee เลือกพื้นที่ที่ต้องการสร้างกรอบ


2.คลิกที่ปุ่ม Create a new layer จะได้ Layer1 เป็นเลเยอร์เปล่ามาหนึ่งเลเยอร์


3.คลิก เลือกสีดำเป็น Foreground แล้วกด [Alt]+[Delete] (การfillสีนั่นเอง แต่ผมถนัดใช้คีย์ลัดในบางอัน มันเร็วดีก๊าฟฟฟ )ใส่สีพื้นที่เราเลือกเอาไว้ให้เป็นสีดำ

4.ทำ เส้นขอบโดยคลิกเมนู Layer -> Layer Style -> Strokeเลือกสีของเส้นเป็นสีขาว เลือก Position เป็น Inside และปรับขนาดของเส้นตามใจชอบในช่อง Size แล้วก็คลิก OK

5.ปรับค่า Fill ที่ Layers พาเล็ตต์ ทำให้พื้นสีดำกลายเป็นพื้นใส เพื่อที่จะได้มองเห็นภาพที่อยู่ด้านล่าง


6.กดปุ่ม [Ctrl] ค้างเอาไว้ แล้วคลิกที่ Layer 1 เพื่อทำการโหลดเส้น Selection ขึ้นมา

7.คลิกที่ เมนู Layer-> New Adjustment Layer -> Hue/saturation ปรับค่า Saturation ให้เป็น ภาพขาวดำ แล้วคลิก OK

8.คลิกเมนู Image ->Adjustments -> Invert เพื่อกลับให้ภาพด้านนอกกรอบเป็นภาพขาวดำแทน


9.หาก ต้องการย้ายกรอบ ให้คลิกที่ Layer1แล้วคลิ๊กที่ช่องสีเหลี่ยมหลังรูปตาในเลเยอร์เพื่อทำการลิ้งเลเยอร์ แล้วใช้เครื่องมือ move มาย้ายกรอบ

10.จะลองหมุนก็ได้นะ กด [Ctrl]+[T] แล้วก็หมุนตามใจชอบ แล้วก็กด Enter

11. จากนั้น ก็ตกแต่งเพิ่มตามใจ แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายการรวม Layerไปที่ Layer-> Flattem Image เพื่อรวมLayer ทั้งหมด แล้วก็ทำการ Save file ได้เลย

เท่านี้เราก็จะได้กรอบรูปสวยๆมาแล้ว..!!  ฮิ.ฮิ แถมยังเอาไปอวดเพื่อนๆได้อีก เหมาะทำสำหรับคนที่หัดทำ photoshop

วิธีการเก็บไฟล์เอกสารให้เรียกใช้ได้อย่างรวดเร็ว

ในการใช้งาน Excel หรือ Word บางที่เราจำเป็นต้องเข้าถึงไฟล์เดิม ๆ หลาย ๆ ครั้ง สำหรับการใช้งาน และเพื่อวัตถุประสงค์จึงอยากให้มันเรียกใช้งานได้โดยเร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องเก็บไฟล์เอกสาร ให้มันพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เรามีสองวิธีให้เลือกทำครับไปดูกันเลย
วิธีแรก Pushpins ปักหมุดมันไว้เลย
เป็นคุณลักษณะล่าสุดของ Office 2007 คุณจะเห็นไอคอนรูปเข็มหมุด ที่ด้านหน้าของรายการทุกรายการในการเรียกเอกสารล่าสุด
ปุ่มพินสามารถใช้ในการเก็บเอกสารที่เราใช้งานบ่อย ๆ ไว้ในรายการเพื่อสะดวกในการเรียกใช้งานครั้งต่อ ๆ ไป จะยกตัวอย่างของ Word 2007 ละกันครับ
1         ขั้นแรกเปิด Word ขึ้่นมาก่อน
2         คลิกที่ปุ่ม Office อยู่ทางด้านซ้ายบน
3         คุณจะเห็นเมนูรายการล่าสุดที่มีชื่อเอกสารที่ด้านขวาของ เมนู

4         คลิกที่รูปเข็มหมุด สำหรับไฟล์ที่ต้องการ

รายการเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในรายการจนกว่าคุณจะ unpin มันออกไป ที่นี้เราก็เรียกใช้งานมันได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องหาไฟล์ให้ยุ่งยากแล้ว

  
วิธีที่สอง สร้างให้มันเป็นเอกสารล่าสุด
คุณสามารถเปลี่ยนจำนวนรายการที่มีอยู่ในเอกสารล่าสุดของรายการเพื่อเก็บ ไฟล์เอกสาร Office 2007 หากเพิ่มรายการที่แสดงในนี้คุณจะสามารถเข้าถึงเอกสารได้รวดเร็ว ตัวอย่างของ Word แต่วิธีการนี้สามารถใช้สำหรับทุกการใช้งานของ Office 2007
1        เปิด Word ขึ้นมา
2        คลิกที่ปุ่ม Office อยู่ทางด้านซ้ายบน

3        คลิกที่ปุ่มตัวเลือก Word ที่ด้านล่างดังรูป

4        ในกล่องโต้ตอบ ตัวเลือก Word คลิกที่ Advance
5         เลื่อนลงไปยังส่วนการแสดงผล Display

6        เพิ่มจำนวนการเก็บเอกสารล่าสุดเพื่อให้สามารถเก็บจำนวนเอกสารได้มากขึ้น
7        คลิกที่ปุ่มตกลง  
นอกจากนี้คุณยังสามารถลดจำนวนเอกสารล่าสุดของการที่จะแสดงที่เหมาะสมกับ คุณ ที่นี้เราก็สามารถใช้ทริคง่าย ๆ ในการทำงานซึ่งทำให้เราเปิดเอกสารที่ใช้งานประำจำได้รวดเร็วขึ้นแล้ว

การสร้างไวรัสปิดเครื่องแบบง่ายๆฉบับอุ๋ยเองอย่าเอาไปแกล้งใครน่ะครับ

 










เอาไว้ศึกษาเป็นความรู้นะครับ อย่าเอาไว้ไปแกล้งใครนะครับ ส่วน Source Code ทุกๆ ชนิด ใช้วิธีทำแบบเดียวกันทั้งหมด คือ สร้าง Code ในโปรแกรม Notepad แล้วบันทึกในชื่อตามที่ต้องการ แต่นามสกุลต้องเป็น bat


ไวรัส #1 กดแล้ว ปิดเครื่อง
ตัวนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ดับเบิลคลิกชื่อไฟล์ที่เราสร้าง เครื่องคอมพิวเตอร์ ก็จะชัตดาวน์ทันที ไม่ทำลายข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
Code:

@echo off TITLE Mr_Unlocker shutdown -r -f -t0

วิธีทำ

1.เปิด Notepad ขึ้นมา
2.ก็อปโค้ดดังกล่าวลงไปวาง
3.บันทึกไฟล์ชื่ออะไรก็ ได้แต่ให้มีนามสกุลเป็น .bat

สอนวิธีการแต่งภาพให้ภาพดูมีอารมณ์ดราม่า

วันนี้ผมเจ้าเก่า อุ๋ย จะสอนวิธีการแต่งภาพให้ภาพนั้น สื่ออารมณ์ให้ผู้ชมนั้น อินไปกับอารมณ์ของภาพที่เรานำเสนอไป ในที่นี้อุ๋ยจะขอนำอารมณ์ดราม่า มาสอนเพื่อนๆ แต่งภาพกันนะครับ

รูปตัวอย่างของเราในวันนี้ จะให้ดูเหงาซะหน่อย แต่แสงสีสดใสมากเลย!!

ขั้นแรกนำภาพที่เราต้องการ เปิดในโปรแกรมแต่งภาพ ในที่นี้พี่บอยเลือกใช้ Adobe photoshop

ก่อนอื่นเราจะมา crop สัดส่วนภาพให้เป็น (16:9)กันก่อนนะครับเพื่อให้ดูเหมือนภาพยนต์

เลือกเครื่องมือ crop จากนั้นก็ตั้งค่าให้เป็น 16 : 9 ดังรูป

จากนั้นเราจะมาทำโทนสีใหม่กันไปที่
Image > Adjustments > Hue/Saturation



มองช่องที่ลูกศรสีแดงชี้ ถ้าเลขติดลบมาก สีก็จะยิ่งซีด ในที่นี้เราต้องการซีดๆ เพื่อให้ดูเศร้านะครับ



เพิ่ม noise นิดหน่อยเพื่อให้ดูคลาสสิค ไปที่
Filter > Noise > Add Noise
ไม่ต้องเยอะครับ นิดๆพอประมาณ ^^



ต่อไปเราจะสร้าง Layer ใหม่นะครับ วิธีคือ กด ไอคอนที่ลูกศรชี้ จะได้ Layer ใหม่ขึ้นมา



ให้เราใช้ แปรงหัวฟุ้ง ระบายสีดำบน Layer ที่เราสร้างมาใหม่ รอบๆรูปเลยครับ เหมือนในรูป



จากนั้นให้เรากด ช่อง ด้านบน (ลูกศรสีแดงชี้)



เมื่อกดมาจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมา ให้เราเลือก Soft Light



สีดำที่เราระบายไป ก็จะกลายเป็นแสงสลัวๆในรูป



ต่อไปเราจะมาสร้างแสงเทียมกัน
สร้าง Layer ใหม่ขึ้นมาอีกอันนึง



เปลี่ยนสีพู่กันเป็นสีขาว



ปรับเป็นผู้กันหัวฟุ้ง ขนาดใหญ่ แล้วกดครั้งเดียว ในจุดที่เราต้องการให้เป็นแสงเทียมฟุ้งๆ
ในที่นี้อุ๋ยเลือกมุมบนซ้ายนะครับ



เพื่อให้ภาพดูเข้มขึ้น เราจะมาปรับ contrast กันนะครับ
ไปที่ Image > Adjustments > Brightness/Contrast



ปรับตามความพอใจเลยครับ (ถ้ามากเกินภาพจะดูหลอกตานะครับ)



เสร็จแล้ว!! ภาพที่ได้มา จะดูได้ฟิลลิ่ง ทางดราม่ามากขึ้นแล้วนะครับ



ไม่ยากเลยใช่ม้ัย????


     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคการแต่งภาพในวันนี้ อาจจะดูยากไปหน่อยเพราะพี่ประยุกต์เอาวิธีของช่างภาพมืออาชีพมาใช้ ในแบบที่ง่ายขึ้น เผื่อเพื่อนๆต้องการที่จะพัฒนาฝีมือให้ดูโปรมากขึ้น เพื่อนๆก็ต้องหัดประยุกต์ใชเครื่องมือในโปรแกรมให้เป็น แล้วทีนี้เพื่อนๆก็จะสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ช่างภาพมืออาชีพเลยที เดียว

การส่งข้อความผ่าน LAN ภายใน Workgroup

 

วิธีการนี้ ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว ลักษณะข้อความที่ส่งผ่านจะเป็นเหมือนการส่งโดยใช้ Net send แต่ท่านสามารถใช้งานได้ดีกว่า และเป็นวิธีที่ำอำนวยความสะดวกให้กับท่านได้อีกทาง

วิธีการส่งข้อความผ่าน LAN ภายใน Workgroup ของท่าน
วิธีการนี้ ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว ลักษณะข้อความที่ส่งผ่านจะเป็นเหมือนการส่งโดยใช้ Net send แต่ท่านสามารถใช้งานได้ดีกว่า และเป็นวิธีที่ำอำนวยความสะดวกให้กับท่านได้อีกทาง  
ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านต้องการจะบอกทุกคนที่อยู่ในองค์กรว่าจะมีการประชุมในบ่ายนี้ท่านก็ เพียงทำตามขั้นตอน ข้อความที่ท่านได้ส่งไปก็จะไปโผล่ที่หน้าจอทุกๆเครื่องที่ท่านได้ส่งไปให้

เริ่มวิธีการทำงานกันเลย

1.  คลิกขวาที่ My Computer เลือก Manage


2.  เมื่ออยู่ในหน้าต่าง Computer management ให้ท่านคลิกที่เมนู Action > All task > sent consolemesage

3.  เมื่อขึ้นหน้าต่าง Send console mesage ให้ท่านพิมพ์ข้อความที่ต้องการ แล้ว ใส่รายชื่อเครื่องที่ท่าน
      ต้องการส่งข้อความไปให้ โดยกดที่ปุ่ม Add ถ้าท่านไม่ทราบชื่อเครื่องก็ให้กดที่ปุ่ม Advance แล้วกดที่
      ปุ่ม Find ท่านก็จะได้รายชื่อทั้งหมดทีอยู่ใน Work group ของท่านและท่านสามารถส่งให้ทุกคนพร้อมกัน
      โดยการเพิ่มชื่อทั้งหมด


4.  เมื่อท่านได้ใส่ชื่อเครื่องเรียบร้อย จากนั้นคลิกที่ Send ได้เลย ข้อความที่ท่านได้ส่งก็จะไปโผล่ที่หน้าจอของ
      ของเครื่องที่ท่ีานได้กำหนดเอาไว้ครับ

เคล็ดไม่ลับวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ของคุณ

เคล็ดไม่ลับวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ของคุณ การทำงานกับคอมพิวเตอร์ช้า ๆ 

วิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ของคุณ

เคล็ดลับในการเร่งความเร็วคอมพิวเตอร์ของคุณ

การทำงานกับคอมพิวเตอร์ช้า ๆ อืด ๆ คงเป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจของเรา ๆ ในเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ซึ่งก็เคยทำงานได้ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป แต่ประสิทธิภาพการทำงานเริ่มเลวร้ายลง ซึ่งมันเกิดขึ้นจากสาเหตุ หลายประการ แต่สาเหตุที่ใหญ่ที่สุดจะเกิดจาก พวกโปรแกรมสปายแวร์ แอดแวร์ และ ภัยคุกคามด้านคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่ถูกดาวน์โหลดและติดตั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว ในขณะที่ออนไลน์ เช่นจากการดาวน์โหลด MP3, ภาพยนตร์ หรือรายการอื่น ๆ จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคการทำให้มันกลับมาทำงานได้ดี หรือดีกว่าเดิม

# 1 : ทำความสะอาด Registry ของคุณ

ข้อผิดพลาดและปัญหาภายในของรีจิสทรี เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เครื่องช้าสุด ๆ เดาได้เลยว่าพวกโปรแกรมสปายแวร์แอดแวร์และภัยคุกคามอื่น ๆ มักจะกำหนดเป้าหมายที่รีจิสทรี ควรทำความสะอาดรีจิสทรีบ่อย ๆ แต่ไม่ควรที่จะทำได้ด้วยตนเอง เพราะมีโอกาสสูงที่จะทกให้สร้างความเสียหายต่อระบบปฏิบัติการของเครื่องพีซี สิ่งที่แนะนำคือหาพวกโปรแกรม Windows registry cleanup ให้มันจัดการทำความสะอาดให้เราโปรแกรมแนวนี้ก็มีเยอะมาก และก็ทำงานแบบเดียวกัน ถ้ายังไงบทความต่อ ๆ ไปจะหามาฝากกัน หรือใครที่ลงโปรแกรม USB Security Disk มันจะมีออฟชั่้นนี้อยู๋แล้ว

# 2 : ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น

ทุกครั้งที่คุณเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตหรือใช้คอมพิวเตอร์ของคุณ ไฟล์ชั่วคราวจะถูกสร้างขึ้น พวกเขามักจะใช้เพียงครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามไฟล์พวกนี้ไม่ได้ลบออกไปเวลาเลิกใช้งาน แต่จะสะสมไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะที่การจะทำการลบไฟล์เหล่านี้ง่าย มาก ซึ่งควรที่จะทำเช่นนั้นประมาณหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้ดีขึ้น การลบไฟล์ขยะ พวกนี้ก็เคยนำการลงไว้แล้วเ่ช่นกันครับ ลองหาดูในเว็บเราได้เลย สำหรับคนที่ยังไม่รู้

ลบไฟล์ขนาดใหญ่ทำไมมันไม่อยู่ใน Recycle Bin ?

ทำไมเวลาลบไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ มันกลับไม่อยู่ในถังถังรีไซเคิล กู้กลับมาไม่ได้ เหตุการแบบนี้เกิดจากข้อจำกัดของขนาดถังรีไซเคิล






เคยทราบหรือไม่ว่าคุณสามารถเพิ่มและลด ขนาดของถังรีไซเคิลได้ และเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเวลาที่เราลบข้อมูลต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็ก ๆ เราถึงสามารถกู้มันคืนจากถังรีไซเคิลได้ ( restore )

แล้วทำไมเวลาลบไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ มันกลับไม่อยู่ในถังถังรีไซเคิล กลับกลายเป็นว่าถ้าลบผิดก็กู้กลับมาไม่ได้ เหตุการแบบนี้เกิดจากข้อจำกัดของขนาดถังรีไซเคิล

โดยปกติขนาดเริ่มต้นจะเท่ากับ 10% ของขนาดฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง ดังนนั้นถ้าคุณลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยบังเอิญคุณจะไม่สามารถเรียกไฟล์นี้คืนจาก ถังรีไซเคิลได้ เนื่องมาจากพื้นที่ของถังรีไซเคิลที่รองรับมีขนาดน้อยกว่าไฟล์ที่เราได้ทำการลบไป

เป็นเหตุผลที่คุณควรตั้งค่าการจัดเก็บข้อมูลให้ถังรีไซเคิลมีขนาดสูงขึ้น

ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

• คลิกขวาที่ถังรีไซเคิล ( Recycle Bin ) บน Desktop ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจากนั้นไปที่ Properties
  
• ปรับแถบเลื่อนในหน้าต่างที่เปิดขึ้นมาจาก 10% เป็นขนาดที่ใหญ่เท่าที่คุณต้องการ
  
• จากนั้นคลิกปุ่มตกลงเพื่อบันทึกการตั้งของคุณใหม่และออกจาก Recycle Bin Properties Window
  
• หลังจากเปลี่ยนค่าให้ทำการรีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อให้ Windows เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจำค่าที่ตั้งใหม่
  

แนะนำว่า เนื่องจากปัจจุบันราคาของฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสุง ๆ มีราคาถูกมาก จึงทำให้เรามีพื้นที่ใช้งานเหลือเฟือก็ให้ตั้งเยอะ ๆ หน่อย ป้องกันกรณีการลบไฟล์ผิดพลาด เพราะ ถ้าหาใหม่ หรือดาวน์โหลดใหม่คงจะนานมากน่าดู



ทางกลับกันถ้าใครคิดว่ามันมากเกินไปก็ ให้ลดลง เพราะบางคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดพื้นที่ถังขยะมากขนาดนั้น เช่น หากเราใช้ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 4 TB เราจะมี ขนาดของ Recycle Bin โดยประมาณถึง 4GB เลยทีเดียว