10 หนุ่มพรหมจารี แห่งประวัติศาสตร์
ทรงไม่เคยเสวยสุขทางเพศกับพระราชินีอีดิธ ผู้เป็นพระมเหสีเลยสักครั้ง
ศาสนาคริสต์เรียกว่า การสมรสแบบไร้มลทิน อันเป็นที่มาของฉายาอันไม่น่าเบิกบานพระหฤทัยแก่พระมเหสีว่า “ราชินี
พรหมจารี” มีข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์กันว่า
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงพิทักษ์รักษาพรหมจรรย์อันเนื่องมาจากความเคร่งในทาง
ศาสนา
หรือเป็นเพราะว่า....ท่านไม่ทรงหลงใหลในสตรีเพศกันแน่? แต่ประวัติศาสตร์
จารึกไว้ว่า พระองค์ทรงมีจริยาวัตรอันงดงามบริสุทธิ์ และในปี
ค.ศ.1161 ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่ได้รับแต่งตั้งเป็น
“นักบุญ” อย่างเป็นทางการ
ทรงเป็นนักบุญของบรรดาคู่หย่าร้างและการแต่งงานที่ไม่มีความสุขไปซะงั้น
2 เซอร์ ไอแซค นิวตัน (SirIsaac Newton)
นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ ผู้ค้นพบ “กฎแรงโน้มถ่วง”
ไม่ยอมถูกดึงดูดด้วยความสุขสำราญของคาวโลกีย์ เขาครองตัวเป็นโสดตลอดชาติ
มีนิสัยเคร่งขรึม และเคร่งครัดในศีลธรรม ว่ากันว่า
เขาเคยหัวเราะเพียงครั้งเดียวในชีวิต!
เพื่อนคนหนึ่งถูกเขาตัดสัมพันธ์ด้วยโทษฐานเล่าเรื่องตลกทะลึงตึงตังเกี่ยว
กับแม่ชีให้ฟัง
3 นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นระบบไฟฟ้ากระแสสลับ
ถือเป็นบิดาของอุปกรณ์ไฟฟ้าและการสื่อสารไร้สาย
เขาหลีกเลี่ยงสายสัมพันธ์สวาททุกรูปแบบ
เพราะเชื่อว่าเซ็กซ์เป็นตัวดูดกลืนพลังความคิดสร้างสรรค์
เมื่อนักข่าวถามว่า ทำไมเขาไม่แต่งงาน
เทสลาตอบว่า “ผมว่า ผลงานประดิษฐ์กรรมดี ๆ ที่สร้างขึ้นโดยชายที่แต่งงานแล้วนั้น ..หาแทบไม่มี...”
4 ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน (Hans Christian Andersen)
นักเขียนเทพนิยายชื่อดังอมตะ เคยไปใช้บริการโสเภณีบ้าง แต่กลับหมกมุ่นอยู่แค่
กิจกรรมบนโต๊ะ เขาให้บรรดาสาวบริการมานั่งคุยด้วยเท่านั้น
ลือกันว่าเขาน่าจะชอบเพศเดียวกันเขาไม่เคยแต่งงาน
และตายไปพร้อมกับความบริสุทธิ์ทุกกระเบียดนิ้ว
5 เจ.เอ็ม. บาร์รี (J. M. Barrie)
ผู้สร้าง “ปีเตอร์ แพน” เด็กชายตัวน้อยที่ไม่ยอมโต เขาสูงแทบไม่ถึง 160
ซม. และคิดว่าเป็นเพราะความเตี้ยทำให้เอื้อมหญิงสาวไม่ถึงสักราย ในปี 1894
เขาป่วยหนักมาก เกรงว่าจะตายอย่างเสียเชิงชาย จึงรีบขอแต่งงานกับแมรี
แอนเซล ดาราสาวสวยที่แสดงในบทละครที่เขาแต่ง เธอตกลงแต่งงานด้วย แต่แล้วใน
ระหว่างฮันนีมูน
บาร์รีกลับไม่ยอมสานสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาให้แนบแน่นลึกซึ้ง ความรักของ
ทั้งคู่จึงจบลงอย่างค้างเติ่งไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในเทพ
นิยาย ที่แท้ปีเตอร์ แพนตัวพ่อผู้ไม่ยอมโตก็คือผู้ประพันธ์นั่นเอง
6 ลูอิส คาร์รอล (Lewis Carroll)
ศาสตราจารย์วิชาคณิตศาสตร์
และนักเขียนหนังสือเด็กที่กลายเป็นวรรณกรรมอมตะรวมถึงเรื่อง
“อลิซในแดนมหัศจรรย์” เขาไม่เคยมีสัมพันธ์กับผู้หญิงเลย
แม้ว่ามีครั้งหนึ่งเคยมีข่าวฉาวกับดาราชื่อ เอลเลน เทอร์รี่
แต่ดาราสาวปฏิเสธ และบอกว่า
“เขาชอบฉันเหมือนกับที่เขาชอบใครก็ตามที่มีอายุเลย 10 ขวบขึ้นไปนั่นแหละ”
7 เอ็ดการ์ เดกาส (Edgar Degas)
จิตรกรและประติมากรแนวอิมเพรชชั่นนิสม์ผู้นี้เป็นที่อิจฉาของหนุ่มๆ
เพราะวัน ๆได้นั่งจ้องมองหญิงเปลือยในอ่างอาบน้ำคนแล้วคนเล่า
แต่ว่าฟ้าย่อมยุติธรรม เขาไม่ได้เพลิดเพลินบันเทิงตานักหรอก
น่าจะเป็นเพราะเขาสิ้นไร้สมรรถภาพทางเพศ
นอกจากนี้เขายังมีมุมมองที่ต่างจากหนุ่มทั้งโลกโดยสิ้นเชิง มีอยู่วันหนึ่ง
เมื่อมีคนถามว่า “ทำไมคุณถึงวาดภาพหญิงสาวได้น่าเกลียดพิลึก?” เขาตอบว่า
“ก็เพราะพวกผู้หญิงส่วนใหญ่มันน่าเกลียดน่ะสิครับ!”
8 จอร์จ เฟรเดอริค แฮนเดิล (George Frideric Handel)
คีตกวีชาวเยอรมันมีชีวิตส่วนตัวที่เก็บงำมิดชิด เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ ๒ ซึ่งทรงเป็นผู้
อุปถัมภ์ ได้ถามว่าทำไมเขาถึงไม่ขวนขวายหาภรรยา แฮนเดิลตอบว่า
“ผมไม่มีเวลาสำหรับเรื่องใด ๆ นอกจากดนตรีขอรับ” แต่จริง ๆ แล้ว
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีเวลาไปร่วมประสานสายตากับเพื่อนสนิท
ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงและนักร้อง ชื่อโจฮันน์ แม็ทเธอสัน
วันหนึ่งในระหว่างการแสดงละครเพลง
แฮนเดิลกับเพื่อนสวาทก็มีปากเสียงกันว่าใครจะเล่นฮาร์พสิคอร์ด
แล้วก็เกิดต่อยเตะกันกลางวงดนตรี
9 ซอเรน คีร์เคอการ์ด (Soren Kierkegaard)
นักปรัชญาชาวเดนมาร์กผู้มีสายตาหยั่งลึกไปถึงในมุ้ง
เขาครุ่นคิดพิจารณาแล้วก็ประกาศว่าความสัมพันธ์ทางเพศเป็นสิ่งที่สกปรก
น่ารังเกียจอย่างยิ่ง เขาเคยบอกว่า
“ผมมีความสลดหดหู่ใจสำหรับภรรยาที่แสนซื่อสัตย์” ตอนอายุ 24
ปีเขาเคยตกหลุมรักเด็กสาววัย 14 ชื่อ เรจิเน ออลเซน และได้หมั้นกันสั้น
ๆ ก่อนที่เขาจะถอนหมั้น แต่เขาก็ไม่เคยลืมเธอได้ ตลอดเวลาหลายปี
เขาพยายามดึงหัวใจเธอ
กลับมา โดยการเขียนหนังสืออันเต็มไปด้วยปรัชญาข้อคิดลึกซึ้งหมอง ๆ หม่น ๆ
ให้เธอ จนต่อมาเขาได้กลายเป็น “บิดาแห่งปรัชญาอัตถิภาวนิยม”
ไปโดยไม่ตั้งใจ ถึงแม้เธอไม่เคยหวนกลับมาหาเขา
แต่เขายังคงรักเดียวใจเดียวไม่เสื่อมคลาย
พร้อมกับมอบมรดกทุกอย่างให้เธอแต่เพียงผู้เดียว
10 มหาตมะคานธี (Gandhi)
ในช่วงอายุ 30
กว่า คานธีได้แต่งงานกับแม่ม่ายลูกติดและทำให้เธอประหลาดใจด้วยการสาบานต่อ
หน้าฟ้าดินว่า จะรักษาพรหมจรรย์ไว้ตลอดชีวิตพร้อมกับอธิบายว่า
การมีอำนาจควบคุม “ของเหลวสำคัญ” ในร่างกายจะช่วยเสริมส่งพลังทางจิตวิญญาณ
อีกทั้งยังทำให้ไม่หมดลมในช่วงจำศีลอดอาหารยาวนาน ในวัย 70 กว่า
เขาเซอร์ไพรส์ภรรยาอีกครั้ง
ด้วยการจ้างบรรดาหญิงสาวมานวดตามเนื้อตัวและให้มานอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ
เพื่อทดสอบความเป็นบุรุษพรหมจารี
สาวกบางคนถึงกับหันหลังให้ด้วยความกระอักกระอ่วน
(หรืออิจฉาก็ไม่แน่ใจ) ภายหลัง
ท่านคานธีจึงยกเลิกการทดลองพิทักษ์รักษาพรหมจรรย์แบบพิสดารนี้ไปในที่สุด
หนุ่มเหล่านี้ถ้ามาเกิดในยุคสมัยนี้ คงถูกนินทาหนาหูว่าเป็นเกย์แน่นอนที่ไม่ยอมแต่งงานสะที
ว่าแต่ ใครคงพรหมจรรย์อยู่บ้าง ยกมือขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น